ม.หอการค้าไทย หนึ่งเดียว ม.เอกชน ร่วมลงนามในการนำนโยบาย CEO GenZ เดินหน้าพากระทรวงพาณิชย์-กระทรวงศึกษา ปั้นเด็กเป็นนักธุรกิจรุ่นใหม่ เสริมทัพการค้าออนไลน์และระหว่างประเทศ วันที่ 26 พฤศจิกายน 2563 เวลา 9.00 น. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานกล่าวนโยบาย Gen Z to be CEO และพิธีลงนาม MOU ระหว่างกระทรวงพาณิชย์ โดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ และกระทรวงศึกษาธิการ (สถาบันการศึกษาต่างๆ 59 หน่วยงาน) ณ ห้องบุรฉัตรไชยากร ช้ัน 4 อาคาร สํานักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ โดยมีดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ร่วมด้วย ในส่วนของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย มีผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เหมือนหมาย อภินทนาพงศ์ รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ ได้เข้าร่วมลงนามความมือในครั้งนี้ ด้วย นายจุรินทร์ กล่าวว่า รูปแบบการค้าอีคอมเมิร์ซจะเป็นรูปแบบที่มีการพัฒนา ข้อตกลงทางการค้าใหม่ๆที่เกิดขึ้นทั้ง FTA หรือพหุภาคี เช่น RCEP ล้วนมีหัวข้ออีคอมเมิร์ซบรรจุอยู่เพื่อเป็นกติกาสำคัญสำหรับการค้าระหว่างประเทศ ที่จะกลายเป็น New Normal สำหรับการค้ายุคใหม่ สำหรับประเทศไทยผู้ประกอบการจำนวนมากปรับตัวไปสู่ระบบออนไลน์รวมถึงเกษตรกรที่ค้าออนไลน์เป็น และมีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่กระทรวงพาณิชย์เห็นว่ามีศักยภาพเข้าสู่ระบบอีคอมเมิร์ซได้คือน้องๆ Gen Z ที่มีอยู่ทั่วประเทศถึง 10 กว่าล้านคน ถึง 20% ของประชากรของประเทศจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งกับการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ และอาศัยอยู่ในภูมิภาค 85% กระจายอยู่ทุกพื้นที่ โครงการสำคัญของกระทรวงพาณิชย์ปั้น Gen Z เป็น CEO ถึงเกิดขึ้นเพื่อให้บรรลุฝันของเด็กรุ่นใหม่ ” วันนี้ถือเป็นการเปิดศักราชสำคัญอีกครั้งหนึ่งของประเทศ เป็นความร่วมมือครั้งใหญ่ระหว่างกระทรวงพาณิชย์โดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมกับสถาบันการศึกษา 13 สถาบัน ประกอบด้วย 1.จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 2.มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี 3.มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน 4.มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี 5.มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง 6.วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล 7.มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา 8.มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี 9.มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ 10. มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ 11.มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย 12.สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง และ 13.สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาที่มีวิทยาลัยเกษตรเทคโนโลยี และประมงในสังกัดทั้งหมด 47 แห่งทั่วทั้งประเทศ รวมแล้วเป็น 59 แห่งทั่วประเทศ และบริษัททรู คอร์ปอเรชั่น (จำกัด)มหาชน จะช่วยในด้านเทคโนโลยีด้านการเรียนการสอน น้องๆทุกคนที่ประสงค์จะเข้าร่วมโครงการจะสามารถแปลงเวลาอบรมเป็นหน่วยกิตทางการเรียนได้ โดยขึ้นอยู่กับแต่ละสถาบันว่าจากกำหนดเป็นกี่หน่วยกิตและน้องๆทุกคนเมื่อผ่านการอบรมแล้วอนาคตถ้าไม่เปลี่ยนใจยังทำการค้าในระบบออนไลน์พวกเราทุกคนก็จะกลายเป็นทัพหน้าทางการค้าที่จะทำรายได้ให้กับตนเองและเป็นทัพหน้าในการนำรายได้เข้าประเทศ พัฒนาจนกลายเป็นผู้ส่งออกเพื่อสร้างเศรษฐกิจและความเข้มแข็งให้กับประเทศต่อไป โดยเราตั้งเป้าหมายว่าสร้างได้ไม่ต่ำกว่า 12,000 คน ภายในปี 2564 ” นายจุรินทร์ กล่าว
Category: PR News
Share This Article