รศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย พร้อมด้วย อ.อุมากมล สุนทรสุรัติ ผู้ช่วยผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และ อ.พูนทวี ชัยวิจิตมลากูล ผู้ช่วยผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ร่วมแถลงข่าว “ทิศทางการส่งออกไทย ปี 2567 และ 10 สินค้าส่งออกเด่น” พร้อมด้วยผลสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายของประชาชนและผู้ประกอบการในช่วงวันมาฆบูชา เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2567 ณ ห้องประชุม 1 อาคารสัญลักษณ์ ชั้น 15 มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
รศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า การที่รัฐบาลจะขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้โตได้มากกว่า 3% โดยที่ยังไม่พึ่งพาโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาทของรัฐบาลนั้น การส่งออกจะต้องเป็นปัจจัยหลักในการเสริมเศรษฐกิจไทยให้ขยายตัวได้ดีในปีนี้ ซึ่งการที่ภาครัฐได้เชิญทูตพาณิชย์เข้ามาร่วมพูดคุยระดมสมอง และเปิดตลาดต่างประเทศนั้น มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย สนับสนุนให้ทำอย่างต่อเนื่อง และถ้าสามารถทำให้การส่งออกเด่นขึ้น โดยเฉพาะตลาดหลัก เช่น สหรัฐฯ จีน และตลาดอาเซียน ก็จะเป็นปัจจัยส่งเสริมให้เศรษฐกิจโตเกิน 3% ได้
อ.อุมากมล สุนทรสุรัติ ผู้ช่วยผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ กล่าวถึง ผลสำรวจการใช้จ่ายของประชาชนและผู้ประกอบการในช่วงวันมาฆบูชาว่า ประชาชนส่วนใหญ่คาดว่าจะออกไปทำบุญมากขึ้นกว่าทุกปี พบว่าพฤติกรรมและการใช้จ่ายช่วงวันมาฆบูชา ส่วนใหญ่ 67.7% ระบุจะออกไปทำบุญไหว้พระ และ 28.8% ไม่ไปทำบุญไหว้พระ เนื่องจากอยากพักผ่อนอยู่บ้าน ไม่อยากใช้เงิน ต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย คาดมีเงินสะพัดกว่า 2,432 ล้านบาทขยายตัว 28% โดยการใช้จ่ายต่อคนเฉลี่ย 1,560 บาทใช้ไปกับการทำบุญ การเดินทางท่องเที่ยว กลับบ้านต่างจังหวัด เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีการสำรวจ ทรรศนะของผู้ประกอบการในช่วงวันมาฆบูชา พบว่าผู้ประกอบการมีการเตรียมสินค้าสำหรับช่วงวันมาฆบูชาปีนี้คาดว่าเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว
อาจารย์พูนทวี ชัยวิจิตมลากูล ผู้ช่วยผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ กล่าวว่า ได้มีการปรับลดคาดการณ์การส่งออกของไทยปี 67 ลงมาเหลือเติบโต 2.5% จากเดิมเคยคาดว่าจะเติบโตได้ราว 3% เนื่องจากปัญหาทะเลแดงที่ยังคงยืดเยื้อ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน ที่ยังคงมีข้อจำกัดจากปัญหาเชิงโครงสร้าง และ ค่าเงินบาทในครึ่งปีหลังที่อาจกลับมาแข็งค่าจากการลดอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ สำหรับสินค้าส่งออกดาวเด่นของไทยปี 2567 ได้แก่ 1.น้ำมันสำเร็จรูป 2.อุปกรณ์และส่วนประกอบโทรศัพท์ 3. ทรานซิสเตอร์ และไดโอด 4. ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็ง 5.หม้อแปลงไฟฟ้า 6.รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ 7. อุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีฟังก์ชันเฉพาะตัว 8. แผงวงจรไฟฟ้า 9. ไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ และ 10. เครื่องจักรกล
ส่วนสินค้าส่งออกดาวรุ่งไปสหรัฐอเมริกา 5 อันดับแรก ได้แก่ 1.สายไฟฟ้า 2.รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ 3.ของทำด้วยทองแดง 4.เครื่องซักผ้า 5.เม็ดพลาสติก
สินค้าส่งออกดาวเด่นที่ไปจีน 5 อันดับแรก ได้แก่ 1.ผลไม้สด/แช่เย็น/แช่แข็ง 2.ผลิตภัณฑ์อลูมิเนียม 3.มันสำปะหลัง 4.ไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ 5.ไก่สดแช่เย็นและแข็ง
ส่วนสินค้าส่งออกดาวรุ่งที่ไปจีน 5 อันดับแรก ได้แก่ 1.ทรานซิสเตอร์และไดโอด 2.กุ้งสดแช่เย็น/แช่แข็ง 3.เลนส์ 4.กระเป๋าเดินทางและกระเป๋าอื่นๆ 5.อัญมณีและเครื่องประดับ